"แก้วเสด็จ เครื่องประดับยอดเจดีย์ ความเชื่อโบราณกาล"
เรื่องเกี่ยวกับแก้วเสด็จ คือ ตั้งแต่สมัยโบราณ คนเฒ่า คนแก่ จะเล่าให้ฟังว่าตามป่าเขายามดึกสงัด วันเพ็ญ ๑๕ ค่ำ มักมีแก้วสุกใสสว่างดวงกลมลอยขึ้น จาก ภูเขาลูกนี้ไปลงเขาลูกนั้น พอใกล้สว่างก็ลอยกลับลงมาที่เขา ลูกเดิม แก้วบางดวงก็เล็ก,ใหญ่มีรัศมีสีแสงอ่อนไม่เท่ากัน บางดวงมีบริวารแวดล้อมระยิบระยับไปหมด
เรื่องทำนองนี้ มีผู้พบเห็นมาแต่โบราณจนแม้ในยุคปัจจุบัน ทำให้เป็นที่ สนใจสงสัยของบรรพบุรุษ ซึ่งสมัยนั้นคงสงสัยในใจกันมานาน สมัยโบราณปกครองด้วยระบบเจ้าขุนมูลนาย ดังนั้นเมื่อเจ้าเมืองที่เมืองป่าเขาได้พบเห็นปรากฏการณ์นี้ ด้วยความสงสัยมานาน ที่เห็นดวงสว่างลอยขึ้นจากยอดเขา หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของภูเขา แล้วลอยไปยังเขาอีกลูกหนึ่ง พอใกล้สว่างก็ลอยกลับที่เดิม เป็นเช่นนี้นานเข้า ด้วยความ สงสัยอยากรู้ และอาศัยมีอำนาจสั่งการให้ไพร่ฟ้าหรือบริวาร ทดลองขุดดูตรงบริเณที่แสงลอยหายตกวูบไป เมื่อขุดดูก็ได้พบแท่งแก้วผลึกบ้าง ก้อนแก้วผลึกบ้าง เป็นหินขาวใสบริสุทธิ์บ้าง ขาวขุ่นๆ ใสๆ บ้างจึงนำมาทำเป็นเครื่องประดับยอดเจดีย์ เช่นทำเจียระไนเป็นรูปดอกบัว รูปดวงแก้วกลม ไว้บนฉัตรทองคำยอดพระธาตุ เจดีย์ต่างๆ เช่น เจดีย์หริภุญชัย ลำพูน,พระธาตุดอยสุเทพ,พระธาตุ ต่าง ๆ ทั่วภาคเหนือ,พระธาตุนครศรีธรรมราช ก็มีดวงแก้ว กลมใสจำนวนมากประดับบนฉัตรรอบยอดเจดีย์ และวันดีคืนดี ก็จะมีปาฏิหารย์เป็นดวงแสงสว่างลอย จากยอดเจดีย์นั้นไปหาเจดีย์นี้
เชื่อกันว่าแก้วเสด็จไปมาหา สู่กับแก้วด้วยกันในถิ่นอื่นๆหรือไปเยี่ยมกัน และนอกจากนี้คนยุคโบราณยังนำหินแก้วกายสิทธิ์ เหล่านี้มาเจียระไน ทำเป็นพระพุทธรูปบรรจุไว้ในเจดีย์ที่เชียงแสน,เชียงใหม่,อ.ฮอด,เชียงราย,ลำพูน,ลำปาง,น่าน,แพร่,อุตรดิตถ์,พิษณุโลก, อยุธยา ฯลฯ แสดงว่ามีผู้รู้จักแก้ว กายสิทธิ์มาแต่โบราณกาลนับพันๆ ปีแล้ว
จากหลักฐานที่ขุดค้นพบจากกรุเจดีย์ต่างๆในภาคเหนือนั้นก็ล้วนพบดวงแก้วกายสิทธิ์บ้าง พระหินแก้วกายสิทธิ์บ้าง และกายสิทธิ์รูปต่างๆ ดังปรากฏหลักฐานในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งจะพบว่าตามกรุเจดีย์วัดร้างที่ขุดพบนี้ มีพระแก้วกายสิทธิ์,ช้างแก้ว,กวางแก้ว,ผอบแก้วใส่พระบรมสารีริกธาตุ และมีดวงแก้วกลมอีกด้วย เช่น ที่พบจาก เมืองฮอดเชียงใหม่ เชียงแสน เชียงของ เชียงคำ และ อำเภอเถิน จ.ลำปาง แสดงว่าบรรพบุรุษของไทย ได้รู้จักแก้วกายสิทธิ์มานานแล้วตั้งแต่โบราณกาล ความลับเกี่ยวกับเรื่องขุมแก้วกายสิทธิ์ในเมืองเหนือ เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีพระพุทธ แก้ว อันถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมือง เพราะแก้วย่อมถือเป็นของ มีค่าหาได้ยาก โดยเฉพาะแก้วหินจากธรรมชาติ
พระแก้วที่เกิดขึ้นในเมืองเหนือที่ถือเป็นพระปฏิมากรองค์สำคัญ เช่น พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดารามในปัจจุบัน ก็พบครั้งแรกในกรุกลางเมืองเชียงราย เมื่อ พ.ศ. ๑๙๗๙
พระแก้วอีกองค์หนึ่ง ซึ่งปรากฏอยู่ที่วัดพระธาตุลำปางหลวง มีหน้าตัก ๖ นิ้ว พบในลำปางตามตำนานกล่าวว่าพบ เป็นลูกแก้วอยู่ในผลแตงโม (มะเต้า) แล้วนำมาเจียระไนเป็น พระพุทธรูป คือ พระแก้วดอนเต้า
พระแก้วอีกองค์หนึ่ง มีความสำคัญคู่ตำนานคือ พระแก้วหริภุญชัย กล่าวว่าเป็น พระแก้วของพระนางจามเทวี แต่สมัยหริภุญชัย ขณะนี้อยู่ที่วัดเชียงมั่น จ.เชียงใหม่ คือ พระเสตังคมณี
นอกจากนี้ยังมีประดิษฐกรรมจากแก้ว ที่พบกันในกรุร้างวัดต่างๆในเขตอำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ ปรากฏว่ามีทั้งพระ พุทธรูปแก้วกายสิทธิ์ใสๆ ช้างแก้ว กวางแก้ว ดวงแก้วกลมใส ผอบแก้วใสบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ในเขตเมืองเก่าเชียงแสน เชียงขอม เชียงคำ และเขตกรุร้างต่างๆในจังหวัดภาคเหนือ และในกรุวัดร้างของอำเภอเถินก็พบหลักฐานที่ ประดิษฐกรรมเจียระไนจากหินแก้วกายสิทธิ์ในรูปต่างๆ เจริญอยู่ในสมัยลานนาไทยมานานแล้ว ทางสุโขทัยและพระนครศรีอยุธยา
การขุดค้นต่างๆของคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ก็พบแก้วใสด้วยวิธีเจียระไนแบบพื้นเมืองโบราณ ลึกลงไปในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ ได้พบหลักฐานว่าคนในสมัยดึกดำบรรพ์ได้นำลูกแก้วปัดสีต่างๆ มาประดับ คุ้มครองตัวเอง เราจะหาดูได้จากพิพิธภัณฑ์อู่ทองสิ่งที่น่า สนใจยิ่งคือ ลูกแก้วลูกปัดที่มีสีขาวใสสะดุดตาเรียกว่า “แก้วน้ำค้าง”
ซึ่งจัดอยู่ในประเภทหินแก้วกายสิทธิ์ หินผลึก หินเขี้ยวหนุมาน หินแก้วโป่งข่ามนั่นเอง นอกจากหินแก้วกายสิทธิ์สีขาวแล้ว อาจมีสีม่วง ชมพู น้ำ ชา สีฟ้า และมีแร่ธาตุต่างๆ เข้าปะปนมีคล้ายตะไคร่น้ำ ทราย หรือเป็นเส้นสีดำ สีทอง สีนาค สีเงิน ซึ่งล้วนเป็นหินแก้ว กายสิทธิ์เกิดเองตามธรรมชาติ มีอายุนับล้านๆ ปี หินแก้วชนิด ขาวใสบริสุทธิ์เป็นของหายากและมีค่าสูงพอๆ กับสีม่วงใสซึ่ นิยมกันมาก และมีราคาแพง
แต่ทว่าลักษณะหินแก้วใสเหล่านี้ เกิดเองมีขนาดใหญ่ ๆ ที่ใสบริสุทธิ์จริงๆ หายากมาก ส่วนมาก มักขุ่นครึ่งใสครึ่ง ถึงใสหมดก็มีขนาดเล็ก และหายากมีค่าสูง ส่วนบางก้อนถึงใสสนิทก็อาจมีลายหินม่านหินตามธรรมชาติ เกิดอยู่ภายในปะปนอยู่ทุกก้อน ทุกดวง มากบ้าง น้อยบ้าง ต้องเข้าใจตามความเป็นจริงของธรรมชาติ
ในต่างประเทศ เช่น จีน เรียกแก้วกายสิทธ์นี้ว่า “หินแก้วจุยเจีย” หรือที่แปลกันว่าแก้วหยกน้ำค้าง หรือ น้ำกลายเป็นหินแข็งใส ทำนองนี้ แก้วจุยเจียมักมีคุณภาพความ ใสสะอาดเป็นเลิศ และมีขนาดใหญ่ สามารถนำมาเจียระไนเป็น ลูกแก้วกลมใสขาดเท่าลูกพุทรา เท่ามะนาว ตัวอย่างในตำนานจีนประวัติ ๘ เซียน กล่าวถึง “หลีเล่ากุน” มีดวงแก้ววิเศษเท่าผลส้ม เปล่งแสงออกมาเป็น ฉัพพรรณรังสี รัศมี ๖ ประการ และเมื่ออธิษฐานขอดูภาพ เหตุการณ์ต่างๆ จากดวงแก้ว จะเห็นตามเป็นจริง
นอกจากนี้ ในศาสนาพุทธมหายานในจีน พระพุทธรูปตรีกาย (ซำเป้า) พระพุทธรูปองค์กลาง(พระศากยมุนี) พระหัตถ์ถือดวงแก้วเป็น สัญลักษณ์ ส่วนทางยุโรป อเมริกาเรียกว่าร็อคคริสตัล “คริสตัล” เรียกสั้นๆ ว่า ควอทซ์นั่นเอง ประชาชนชาวจีน ชาวญี่ปุ่น นิยมนำเอาหินจุยเจียมาทำเป็นดวงแก้วกลมเล็กบ้างใหญ่บ้าง เพื่อนำมาเป็นนิมิตปฏิบัติธรรม ซึ่งมีอานุภาพต่อ ทางจิตสูงมาก เช่นถือกันว่ามีพลังวิเศษอยู่ในดวงแก้วนั้น ในทวีปอเมริกานิยมเอาหินแก้วใสบริสุทธิ์ ร็อคคริสตัล จุยเจียนี้ทำเป็นคริสตัลบอลล์ หรือดวงแก้ว ใช้เพ่งให้จิตเป็นสมาธิ เพื่อให้รู้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ได้ เช่น ยีนส์ ดิกสัน ชาวอเมริกาที่โด่งดังในอเมริกา
สำหรับในประเทศไทยนิยมยกย่องหินแก้วผลึกขาวใส (จุยเจีย) เป็นรัตนะ (แก้วอันประณีต ประเสริฐ) เป็นของบริสุทธิ์จึงนิยมมาเจียระไน เป็นพระพุทธรูป,ผอบ, เจดีย์แก้วบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า, พระธาตุของพระอรหันต์ และนิยมทำเป็นดวงแก้วกลม ประดับบูชาไว้บนยอดเจดีย์ต่าง ๆ เช่น พระธาตุดอยสุเทพ,พระธาตุหริภุญชัย , พระตาลดอยป่า ตาล ทั่วภาคเหนือ และพระธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช ก็มีดวงแก้วหินขาวใสจุยเจียประดับบนยอดฉัตรเจดีย์หุ้มด้วยสาแหรก ทองคำจำนวนหลายสิบดวง
เครดิต.เอก ลิกอร์
หน้าที่เข้าชม | 565,682 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 470,738 ครั้ง |
เปิดร้าน | 29 ม.ค. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 26 ก.ย. 2568 |